วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคสามอาณาจักรหลัง) ตอนที่5

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคสามอาณาจักรหลัง) 


          หลังจากอาณาจักรบัลแฮถูกราชวงศ์เหลียวตีจนแตกนั้นประชาชนพากันอพยพลงใต้มาบริเวณอาณาจักรโกคูรยอเดิม แล้วเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรบัลแฮ ก็สถาปนาอาณาจักรใหม่บริเวณอาณาจักรโกคูรยอเดิม แล้วให้ชื่อว่า อาณาจักรฮูโกคูรยอ แล้วสถาปนาตนเองป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้ากุงเย ส่วนชาวแพกเจที่อยู่อาณาจักรรวมชิลลาก็ได้ก่อกบฏต่ออาณาจักรรวมชิลลามีหัวหน้าคือ คยอน ฮวอน แล้วไปตั้งถิ่นฐานที่บริเวณอาณาจักรแพกเจเดิมแล้วให้ชื่อว่าอาณาจักรฮูแพกเจ แล้วสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าคยอน ฮวอน แล้วทำการก่อกบฏต่ออาณาจักรรวมชิลลาทำให้ชิลลาเกิดความระส่ำระส่าย จึงถือเป็นยุคสามอาณาจักรยุคหลัง


อาณาจักรบัลแฮ

เมื่ออาณาจักรโกคูรยอแตกใน พ.ศ. 1211 ในครั้งนั้นมีผู้คนกลุ่มต่างๆเป็นจำนวนมากอพยพหลบหนีออกจากโกคูรยอไปอย่างกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทางไปอาศัยอยุ่อย่างกระจัดกระจายในที่ต่างๆ กระทั่งใน พ.ศ. 1239 ราชวงศ์ถังเกิดสงครามกับพวกคิตัน ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่มาตั้งหลักแหล่งอยู่ในแมนจูเรีย ช่วงเวลานั้นเองที่มีชาวโกคูรยอที่กระจัดกระจายไป ได้พยายามรวมตัวกันขึ้นใหม่เพื่อหมายไปตั้งถิ่นฐานเดิมในโกคูรยอ คนกลุ่มนี้นำโดย กอลโกล จุงซัง พาคนเหล่านี้กลับขึ้นไปยังดินแดนตอนเหนือ แต่ระหว่างทางกอลโกล จุงวัง เกิดเสียชีวิตลง หน้าที่การนำต่อมาจึงเป็นของบุตรชายคือ แด โจยอง ผู้นำคนต่อไป จนกระทั่งถึงตอนเหนือของโกคูรยอเดิม แล้วตั้งถิ่นฐานใหม่ตรงบริเวณมณฑลจี้หลิน ของจีนในปัจจุบัน แล้วสร้างเมืองหลวงใหม่ขึ้น คือ เมืองดองเกียว แล้วเรียกแผ่นดินที่ปักหลักใหม่แห่งนี้ว่า อาณาจักรจิน โดยถือว่าเป็นอาณาจักรสืบต่ออาณาจักรโกคูรยอ
ในระหว่างนั้นจีนยังตกอยู่ในปัญหาความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอก จึงปล่อยให้อาณาจักรแห่งนี้ตั้งตัวเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ชิลลาก็ไม่สามารถแผ่อิทธิพลขึ้นไปถึง เนื่องจากถ้านำทัพขึ้นไปก็อาจต้องสู้รบกับชนเผ่าเร่ร่อนเผ่าอื่นๆที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นด้วย อาจต้องเสียทีถูกอาณาจักรใหม่แห่งนี้ตีกลับมาได้ ในขณะที่อาณาจักรจินเติบโตขึ้นเรื่อยๆนั้น ต่อมาราชวงศ์ถังได้พยายามจะให้อาณาจักรแห่งนี้เข้ามาเป็นเขตอำนาจของจีนเพื่อเป็นรัฐกันชนกับชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ
ใพ.ศ. 1256 ราชวงศ์ถังจึงได้ประกาศให้อาณาจักรแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของจีน และเนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ติดกับคาบสมุทรเหลียวตงของจีนที่ล้อมรอบทะเลป๋อไห่ จึงเรียกมณฑลนี้ว่ามณฑลป๋อไห่ แต่ชาวจินเองถือว่าตนเป็นอาณาจักรโดยสมบูรณ์ แด โจยอง ก็ดำรงสถานะเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรแห่งนี้ ซึ่งจีนเองก็ยินยอมรับสถานะความเป็นกษัตริย์ของ แด โจยอง แต่ยังคงถือว่าเป็นเขตอำนาจของจีนอยู่เช่นนั้นและจากการที่จีนเรียกดินแดนนี้ว่าป๋อไห่ อาณาจักรแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า บัลแฮ ซึ่งเป็นภาเกาหลีมากกว่าที่จะเรียกว่าอาณาจักรจิน
การล่มสลายของอาณาจักรบัลแฮเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างราชวงศ์เหลียว หรือพวกชนเผ่าคิตัน เข้าตีดินแดนของจีนสมัยปลายราชวงศ์ถัง ในพุทธศตวรรษที่ 15อาณาจักรบัลแฮจึงต้องถูกตีไปด้วยเนื่องจากเป็นเขตอิทธิพลที่อยู่ใกล้ชิดติดกันระหว่างเขตดินแดนระหว่างจีนและคิตันในแมนจูเรีย ในพ.ศ. 1545 ราชวงศ์ถัง ถูกราชวงศ์เหลียวตีจนแตกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย และพวกคิตันก็ทำสงครามต่อเนื่องจนกระทั่งได้ครอบครองดินแดนทางตอนเหนือของจีนส่วนใหญ่ การทำสงครามยึดครองครั้งนี้ อาณาจักรบัลแฮก็ถูกยึดครองไปด้วยเช่นกัน ราชวงศ์เหลียวเข้าตีบัลแฮจนแตกใน พ.ศ. 1469 นับเป็นการสิ้นสุดอาณาจักรบัลแฮ แม้ในภายหลังราชวงศ์เหลียวได้ตั้งอาณาจักรใหม่ขึ้นแทน คือ อาณาจักรตงตาน เป็นอาณาจักรที่ก่อตั้งได้เพียง 10 ปี ในพ.ศ. 1479 ราชวงศ์เหลียวก็ควบคุมอาณาจักรตงตานมาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์เหลียว และประชาชนชาวบัลแฮรู้ว่าตนเองสืบเชื้อสายจากชาวชาวโกคูรยอ ไม่ใช้ชาวแมนจู จึงได้อพยพลงใต้ไปยังบริเวณอาณาจักรโกคูรยอเก่าแล้วสถาปนาอาณาจักรใหม่ขึ้นมาคืออาณาจักรฮูโกคูรยอหรืออาณาจักรโกคูรยอใหม่

อาณาจักรโกคูรยอใหม่ 

     แทบง,ฮูโกคูรยอ หรือ อาณาจักรโกคูรยอใหม่ (เกาหลี태봉ฮันจา: 泰封 ค.ศ. 901 - ค.ศ. 918) เป็นหนึ่งใน สามอาณาจักรหลัง ของเกาหลีซึ่งประกอบไปด้วย อาณาจักรฮูแพกเจ , อาณาจักรรวมซิลลา และ อาณาจักรฮูโกคูรยอ ถูกสถาปนาโดย กุง เย ในปี ค.ศ. 901 และหลังจากพระเจ้ากุงเยถูกสำเร็จโทษ วังกอนจึงขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อมาในปีค.ศ. 935 ภายหลังวังกอนสามารถโจมตี อาณาจักรฮูแพกเจ และ อาณาจักรรวมซิลลา ได้จึงรวมแผ่นดินแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น อาณาจักรโครยอ แล้วเปลี่ยนพระนามเป็น พระเจ้าแทโจ

อาณาจักรรวมซิลลา

อาณาจักรรวมซิลลา (เกาหลี통일 신라,อังกฤษUnified Silla) เป็นอาณาจักรที่สถาปนาเมื่อปี ค.ศ. 668 โดย พระเจ้ามุนมู แห่ง อาณาจักรซิลลา ภายหลังจากการรวมอาณาจักรโกคูรยอ และ อาณาจักรแพกเจ เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับซิลลาโดยอาณาจักรแห่งนี้มีราชธานีอยู่ที่ คยองจู ซึ่งอาณาจักรรวมซิลลาได้ล่มสลายลงในปี ค.ศ. 935 ภายหลังจากการยอมจำนนต่อ วัง กอน ของ พระเจ้าคยองซุน กษัตริย์องค์สุดท้าย

อาณาจักรฮูแพกเจ

      อาณาจักรฮูแพกเจ หรือ อาณาจักรแพกเจใหม่ (เกาหลี후백제ฮันจา: 後百濟 ค.ศ. 892 – ค.ศ. 936) หนึ่งในสามอาณาจักรหลังของเกาหลี คือ อาณาจักรฮูโกคูรยอหรืออาณาจักรโกคูรยอใหม่ และอาณาจักรชิลลา โดยถูกก่อตั้งโดย คยอน ฮวอน ใน ค.ศ. 900 และล่มสลายลงไปอีกใน ค.ศ. 936 โดยกองทัพของวังกอนปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โครยอมาโจมตี มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองจอนจู(ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดจอนลาเหนือ) โดยหนังสือซัมกุกยูซาและซัมกุกซากิกล่าวว่าเป็นอาณาจักรสืบต่อมาจากอาณาจักรแพกเจ

ใน ค.ศ. 892 ที่เมืองกวางจูนั้นที่เคยเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรแพกเจ คยอน ฮวอน ได้ตั้งกองกำลังขึ้นเพื่อก่อกบฏต่ออาณาจักรชิลลา โดยใช้เวลาถึง 9 ปีในการก่อกบฏ โดยในขณะนั้นมีการก่อกบฏไปทั่วทั้งอาณาจักรชิลลาทำให้อาณาจักรชิลลาเกิดความระส่ำระส่ายขึ้น กระทั่งได้แยกตัวออกมาตั้งรัฐอิสระขึ้น
คยอน ฮวอน ได้ให้ชื่ออาณาจักรใหม่นี้ว่า ฮูแพกเจหรือแพกเจใหม่นับว่าเป็นอาณาจักรสืบต่อของอาณาจักรแพกเจที่ถูกโจมตีและถูกผนวกเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกันของชิลลาใน ค.ศ. 660
คยอน ฮวอน ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์แห่งฮูแพกเจและอาณาจักรหูแพกเจได้เปิดสัมพันธ์กับอาณาจักรอู๋เยว่ ของจีนเพื่อสร้างพันธมิตรทางอำนาจระหว่างรัฐทั่งสอง แต่อาณาจักรหูโกคูรยอเองก็เริ่มสร้างเสริมกำลังของตนเช่นกัน อย่างไรก็ตามทางจีนเองก็เกิดการก่อกบฏเช่นกันในปลายราชวงศ์ถัง โดยเป็น ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร ของจีนบรรดาหัวเมืองต่างๆมีการแบ่งอำนาจกันเป็นห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร คือ ราชวงศ์เหลียว ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์จิ้น ราชวงศ์ฮั่น และราชวงศ์โจวกับอีกสิบอาณาจักร หลังจากวังกอนได้ปลดพระเจ้ากุงเยพระราชาแห่งฮูโกคูรยอลงนั้นก็นำกองทัพมาโจมตีอาณาจักรฮูแพกเจ จำนวน 100,000 นาย อาณาจักรฮูโกคูรยอและอาณาจักรฮูแพกเจได้ทำสงครามกันที่ ซอนซาน (ปัจจุบันอยู่ที่จังหวัดคยองซานเหนือ)ในที่สุดฮูแพกเจก็เริ่มถูกโจมตีอย่างหนัก ในปลาย ค.ศ. 936 พระเจ้าคยองซุนแห่งอาณาจักรชิลลาได้ยอมแพ้ต่ออาณาจักรฮูโกคูรยอ และภายหลังฮูแพกเจก็ถูกยึดครอง วังกอนจึงได้รวมอาณาจักรฮูโกคูรยอ อาณาจักรฮูแพกเจ และอาณาจักรชิลลาเข้าด้วยกันเป็นอาณาจักรเดียวกันอีกครั้ง และเปลี่ยนชื่ออาณาจักรแห่งใหม่อาณาจักรโครยอโดยยึดตามชื่ออาณาจักรโกคูรยอเพราะสืบเชื้อสายมาจากโกคูรยอ ดังนั้น อาณาจักรฮูแพกเจจึงนับเป็นการสิ้นสุดอาณาจักรแพกเจโดยสมบูรณ์ใน ค.ศ. 936ในรัชสมัยพระเจ้าซินกอมกษัตริย์องค์ที่สองแห่งฮูแพกเจ


วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคอาณาจักรเหนือใต้) ตอนที่4

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคอาณาจักรเหนือใต้) ตอนที่4


      ยุคสมัยอาณาจักรเหนือใต้ (เกาหลี: 남북국 시대, ฮันจา: 南北國時代) เมื่อสิ้นสุดสมัย 3 อาณาจักรนั้น อาณาจักรชิลลาถือว่าเป็นผู้มีชัยเหนืออาณาจักรอื่นบนคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด ในทางประวัติศาสตร์ถือว่ายุคสมัยนี้ อาณาจักรชิลลาเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินเกาหลีให้เป็นผืนเดียวกันได้เป็นครั้งแรกนับแต่ยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา จึงเรียกว่า ยุคชิลลารวมอาณาจักร ช่วงยุคสมัยนี้นับจากปีที่อาณาจักรโกคูรยอและอาณาจักรแพกเจล่มสลายลงไปใน พ.ศ. 1211 และสืบเนื่องไปจนถึง พ.ศ. 1478 แต่โดยที่จริงแล้ว อาณาจักรชิลลาไม่ได้ครอบครองดินแดนทั้งหมดไว้ ที่ครอบคลุมได้ทั้งหมดนั้นเพียงดินแดนทางตอนใต้เท่านั้น โดยเฉพาะอย่าวยิ่งดินแดนของ โคกูรยอเดิม ชิลลาก็ได้มาเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่เพียงที่ต้องยกคาบสมุทรเหลียวตงให้กับจีน แต่ดินแดนทางเหนือจรดไปถึงแมนจูเรียตกอยู่ในการควบคุมของอาณาจักรเกิดใหม่อีกอาณาจักรหนึ่ง ชื่อว่า อาณาจักรบัลแฮ หรือเรียกว่า ป๋อไห่ ในชื่อเรียกตามภาษาจีน ในยุคสมัยนี้ นักประวัติศาสตร์บางท่านจึงจัดว่าเป็นยุคอาณาจักรเหนือใต้ของเกาหลี

      ใน พ.ศ. 1271 อาณาจักรบัลแฮได้ส่งทูตไปเปิดสัมพันธ์กับญี่ปุ่นการทำเช่นนี้ก็หวังใช้ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรในการข่มขู่ชิลลาที่คิดจะโจมตีบัลแฮ ซึ่งก็ได้ผล เพราะชิลลาไม่สามารถเข้าทำลายยึดครองบัลแฮได้แต่อย่างใดทั้งๆที่มีความพยายาม กระทั่งสองอาณาจักรต้องจบสิ้นลงไปพร้อมกันในพุทธศตวรรษที่ 15 การล่มสลายของอาณาจักรบัลแฮเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างราชวงศ์เหลียว หรือพวกชนเผ่าคิตัน เข้าตีดินแดนของจีนสมัยปลายราชวงศ์ถัง ในพุทธศตวรรษที่ 15 อาณาจักรบัลแฮจึงต้องถูกตีไปด้วยเนื่องจากเป็นเขตอิทธิพลที่อยู่ใกล้ชิดติดกันระหว่างเขตดินแดนระหว่างจีนและคิตันในแมนจูเรีย ในพ.ศ. 1545 ราชวงศ์ถังถูกราชวงศ์เหลียวตีจนแตกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย และพวกคิตันก็ทำสงครามต่อเนื่องจนกระทั่งได้ครอบครองดินแดนทางตอนเหนือของจีนส่วนใหญ่ การทำสงครามยึดครองครั้งนี้ อาณาจักรบัลแฮก็ถูกยึดครองไปด้วยเช่นกันราชวงศ์เหลียวเข้าตีบัลแฮจนแตกใน พ.ศ. 1469 นับเป็นการสิ้นสุดอาณาจักรบัลแฮ แม้ในภายหลังราชวงศ์เหลียวได้ตั้งอาราจักรใหม่ขึ้นแทน คือ อาณาจักรตงตาน เป็นอาณาจักรที่ก่อตั้งได้เพียง 10 ปี ใน พ.ศ. 1479 ราชวงศ์เหลียวก็ควบคุมอาณาจักรตงตานมาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์เหลียว ในช่วงที่อาณาจักรบัลแฮประสบสภาวะสงครามกับพวกคิตันจนกระทั่งแตกนั้น ทางอาณาจักรชิลลาเองก็เกิดความระส่ำระส่าจากภายในขึ้น มีการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์หลายพระองค์เพื่อแย่งชิงอำนาจกัน จุดเริ่มต้นมาจากสมัยที่พระราชินีจินซอง ขึ้นปกครองแผ่นดินมีความอ่อนแอ พวกขุนนางจึงต่างพากันกอบโกยประโยชน์ส่วนตัว บ้านเมืองเต็มไปด้วยโจรผู้ร้ายปล้นชิง ความโกลาหลปั่นป่วนของชิลลาเช่นนี้ทำให้เกิดการแยกตัวออกมาตั้งรัฐอิสระระหว่างกลุ่มขุนนางกลุ่มต่างๆ กันขึ้นจนเกิดเป็นสงครามระหว่างกัน กระทั่งในที่สุด กลุ่มที่เข้มแข็งกว่าก็สามารถทำลายกลุ่มอื่นไ ได้ ที่สุดอาณาจักรชิลลาก็ล่มสลายลงใน พ.ศ. 1478 กลุ่มที่ได้รับชัยชนะจึงเข้ายึดครองเขตอำนาจเดิมของอาณาจักรชิลลาทั้งหมด แล้วตั้งตนเป็นอาณาจักรใหม่บนคาบสมุทรเกาหลีขึ้น คือ ราชวงศ์โครยอ นับเป็นการสิ้นสุดยุคอาณาจักรเหนือใต้ครั้งแรกก่อนที่เกาหลีจะแบ่งออกเป็นอาราจักรเหนือใต้ครั้งที่ 2 คือ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ในปัจจุบัน

       สรุปเมื่ออาณาจักรซิลลาสามารถรวบรวมอาณาจักรแพกเจและอาณาจักรโกคูรยอเข้าด้วยกันได้ในปี ค.ศ. 668 แต่โดยที่จริงแล้วอาณาจักรซิลลาไม่ได้ครอบครองดินแดนทั้งหมดไว้เพียงแต่ครองครองดินแดนทางใต้เท่านั้น โดยเฉพาะดินแดนของอาณาจักรโกคูรยอซิลลาครอบครองเพียงบางส่วนเท่านั้น อาณาจักรซิลลาได้ยกดินแดนบนคาบสมุทรเหลียวตงให้แก่ราชวงศ์ถังของประเทศจีนหลังสิ้นสุดสงครามซิลลา-ถัง แต่ดินแดนทางเหนือจรดไปถึงแมนจูเรียตกอยู่ในการควบคุมของอาณาจักรเกิดใหม่อีกอาณาจักรหนึ่ง ชื่อว่า อาณาจักรบัลแฮ หรือเรียกว่า ป๋อไห่ ในชื่อเรียกตามภาษาจีน ในยุคสมัยนี้ นักประวัติศาสตร์บางท่านจึงจัดว่าเป็นยุคอาณาจักรเหนือใต้ของเกาหลี ประกอบด้วยสองอาณาจักรคือ
อาณาจักรบัลแฮ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแมนจูเรียและตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลีกับคาบสมุทรเหลียวตง ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 698 โดยพระเจ้าโกหรือพระเจ้าแดโจยอง เมื่อครั้งอาณาจักรโกคูรยอแตก ประชาชนได้กระจัดกระจายไปในที่ต่างๆ แดโจยองจึงได้รวบรวมประชาชนชาวโกคูรยอไปที่เมืองดองเกียว โดยเรียกว่าอาณาจักรจิน ภายหลังราชวงศ์ถังให้ชื่อใหม่เป็นอาณาจักรบัลแฮ และให้อาณาจักรบัลแฮเป็นเขตอำนาจของราชวงศ์ถัง อาณาจักรบัลแฮได้ล่มสลายลงเมื่อปี ค.ศ. 926 รัชสมัยพระเจ้าอินซอน การล่มสลายของบัลแฮเริ่มจากการทำสงครามกับราชวงศ์เหลียวของเผ่าคิตัน ราชวงศ์เหลียวได้โจมตีราชวงศ์ถังจนแตกเป็นแคว้นต่างๆมากมาย ในพุทธศตวรรษที่ 15 และบัลแฮเป็นเขตอำนาจของราชวงศ์ถังจึงถูกตีแตกไปด้วย ภายหลังประชาชนชาวโกคูรยอได้อพยพลงไปยังอาณาจักรซิลลาแล้วตั้งอาณาจักรแทบงขึ้นมา อาณาจักรบัลแฮมีอายุ 228 ปี
อาณาจักรซิลลา หรือ อาณาจักรรวมซิลลา หลังจากพระเจ้ามุนมูสามารถรวมอาณาจักรแพกเจและอาณาจักรโกคูรยอเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกันได้ ในปี ค.ศ. 668 อาณาจักรซิลลาถือว่าเป็นอาณาจักรแรกในประวัติศาสตร์เกาหลีที่สามารถรวบรวมแคว้นต่างๆ เข้าด้วยกันได้โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองคยองจู และอาณาจักรซิลลาล่มสลายลงเมื่อปี ค.ศ. 935 รัชสมัยพระเจ้าคยองซุน ได้ยอมจำนนต่ออาณาจักรฮูโกคูรยอและผนวกเข้ากับอาณาจักรฮูโกคูรยอ อาณาจักรซิลลามีอายุมากถึง 1092 ปี

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคอาณาจักรเอกภาพ "อาณาจักรชิลลา")ตอนที่3

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคอาณาจักรเอกภาพ "อาณาจักรชิลลา")ตอนที่3


    เมื่่ืออาณาจักรชิลลาเข้มแข็งขึ้น อาณาจักรแพกเจจึงหันไปผูกมิตรกับอาณาจักรโกคูรยอ ส่วนอาณาจักรชิลลาหันไปผูกมิตรกับราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังของจีน กองกำลังผสมระหวางจีนและชิลลายึดครองอาณาจักรแพกเจได้เมื่อ พ.ศ. 1203 และยึดครองอาณาจักรโคกูรยอได้ใน พ.ศ. 1211 โดยจีนเข้ามาปกครองอาณาจักรโคกูรยอในช่วงแรก ต่อมาอาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังเกิดขัดแย้งกัน อาณาจักรชิลลาจึงเข้ายึดอาณาจักรโคกูรยอจากจีนและเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างเด็ดขาดเมื่อ พ.ศ. 1278
ในช่วงแรก อาณาจักรซิลลาได้มีการลดภาษีการค้าเกษตรลงหนึ่งในสิบจากเดิมก่อนที่จะทำการรวมกันและกำหนดให้เมืองขึ้นได้ชำระด้วยสินค้าชนิดพิเศษของเมืองนั้น
อาณาจักรรวมซิลลาได้ทำสำมะโนประชากรทางด้านขนาดเมืองและด้านประชากร ตลอดจน,ม้าวัว รวมทั้งผลิตผลชนิดพิเศษ และได้ทำการบันทึกข้อมูลใน มินจงมุนโซ (민정문서) ซึ่งการรายงานมีการจัดทำโดยผู้นำของแต่ละเมือง
    อาณาจักรชิลลาเจริญ สูงสุดในยุคกษัตริย์คยองตอก หลังจากนั้นได้เสื่อมลงโดยสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งในหมู่เชื้อพระวงศ์และ เกิดการปฏิวัติบ่อยครั้ง กลุ่มชาวนาและกลุ่มอำนาจท้องถิ่นที่รู้สึกว่าถูกกดขี่ได้รวมกำลังกันต่อต้าน อำนาจรัฐ วังกอน ผู้นำกลุ่มต่อต้านคนหนึ่ง เข้ายึดอำนาจและสถาปนาราชวงศ์โครยอขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1478




วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคสามก๊ก) ตอนที่2

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคสามก๊ก) ตอนที่2

    เมื่อเป็นเอกราชจากจีน ดินแดนเกาหลีในขณะนั้นแบ่งเป็น 3 อาณาจักรด้วยกันคือ
ราชอาณาจักรโกคูรยอ (เกาหลี고구려ฮันจา: 高句麗MC: Goguryeo, MR: Koguryŏ 37 ปีก่อนค.ศ. - ค.ศ. 668) เป็นราชอาณาจักรเกาหลีโบราณ ปัจจุบัน ดินแดนส่วนใหญ่อยู่ใน เกาหลีเหนือ และคาบสมุทรเหลียวตงของ จีน ราชอาณาจักรนี้ถูกสถาปนาโดย พระเจ้าดงเมียงยอง ราชวงศ์นี้มีอาณาเขตตั้งแต่เกาหลีเหนือปัจจุบันแมนจูเรียถึงรัสเซียบางส่วนเป็นราชวงศ์แรก ที่ถูกบันทึกหลักฐานราชวงศ์นี้มีกษัตริย์ที่เป็นมหาราชองค์แรกของเกาหลีคือ พระเจ้ากวางแกโตมหาราช กษัตริย์องค์ที่ 19 ของราชวงศ์ทรงเก่งทั้งเรื่องรบและเรื่องรักทรงขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางต่อมาราชอาณาจักรนี้เริ่มมีปัญหารบรากับอาณาจักรแพคเจและอาณาจักรชิลลา ในสมัยราชวงศ์ถัง (618-907) ในขณะนั้นตรงกับรัชสมัยจักรพรรดิถังเกาจง (หลี่จื้อ) จักรพรรดิองค์ที่ 3 ประมาณปี ค.ศ. 660 ต่อมาสมัยกษัตริย์องค์ที่ 28 ของราชวงศ์ก็ถูกพวกชิลลาตีแตกและรวบรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรทำให้ราชอาณาจักรโกคูรยอที่ปกครองมายาวนานกว่า 600 ปีก็สิ้นสุดลง
เมืองหลวงและสุสานของราชอาณาจักรโกคูรยอโบราณ เมืองหลวงและสุสานของราชอาณาจักรโกคูรยอโบราณ (จีนตัวย่อ: 高句丽王城、王陵及贵族墓葬) คือแหล่งมรดกโลกที่ประกอบด้วยแหล่งโบราณคดีในเมือง 3 เมือง ได้แก่ เมืองอู๋หนิ่ว ในมณฑลเหลียวหนิง เมืองกั๋วเน่ย (กุงแนซง - ตามภาษาเกาหลี) และหวันตู (ฮวันโด - ตามภาษาเกาหลี) ในมณฑลจี๋หลิน และสุสานอีก 40 แห่ง ซึ่งเป็นของราชวงศ์ 14 แห่ง และขุนนาง 26 แห่ง ทั้งหมดแสดงถึงร่องรอยวัฒนธรรมโกคูรยซึ่งได้มีอำนาจเหนือบางส่วนของภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือของจีนและคาบสมุทรเกาหลีในช่วง 277 ปีก่อน ค.ศ. จนถึง ปี ค.ศ. ที่ 668
แหล่งโบราณคดีในเมืองอู๋หนิ่วได้ทำการขุดค้นไปเพียงเล็กน้อย ส่วนเมืองกั๋วเน่ย ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองจี๋หนิงในปัจจุบันนั้นได้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงรอง หลังจากเมืองหลวงของโกคูรยอได้ย้ายไปตั้งที่กรุงเปียงยาง และสำหรับเมืองหวันตู หนึ่งในเมืองหลวงของราชอาณาจักรโกคูรยอนั้น ได้มีร่องรอยของพระราชวังและสุสานจำนวนกว่า 37 แห่ง
สมัยจักรพรรดิฮั่นหยวนตี้ ปีที่ 2 แห่งรัชกาลเจี้ยนเจา (ราว 37 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (202 ก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 25) บรรพบุรุษชาวเกาหลีได้แผ้วถางสร้างเมืองขึ้นที่บริเวณอำเภอเกาโกวหลี (ปัจจุบันคือ อ.ซินปิน ในมณฑลเหลียวหนิงของจีน) หลังจากนั้นก็สถาปนาเมืองหลวงและขยายอำนาจจนมีอาณาเขตกว้างขวางไปทั่ว ตามที่รู้จักกันในชื่อ ‘อาณาจักรโคคูเรียว’
ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของราชอาณาจักร โคคูเรียว (ราชอาณาจักรโกคูรยอ) หรือเกาโกวหลี ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 ได้แผ่อำนาจครอบคลุมภาคตะวันออกของมณฑลจี๋หลิน ตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลเหลียวหนิง จนถึงดินแดนทางตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลีในปัจจุบัน ราชอาณาจักรโคคูเรียวมีกษัตริย์ปกครองรวมทั้งสิ้น 28 รัชกาล* ระยะเวลาอันรุ่งเรืองจนถึงยุคเสื่อมอยู่ในช่วงเดียวกับราชวงศ์ฮั่นตะวันตกจนถึงราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ของจีน รวมระยะเวลาราว 705 ปี
ที่ตั้งและอาณาเขต เมืองเก่าแห่งราชอาณาจักรโคคูเรียว (ราชอาณาจักรโกคูรยอ) ตั้งอยู่บนเขาอู๋หนี่ว์ซัน (五女山) ที่คาบเกี่ยวระหว่างพื้นที่อำเภอซินปิน (新宾县) และอำเภอปกครองตนเองของชนชาติแมนจู หวนเหริน (桓仁县) ในมณฑลเหลียวหนิง มาจนถึงเมืองจี๋อัน (集安市) ในมณฑลจี๋หลิน เป็นอาณาบริเวณของเมืองเก่าอู๋หนี่ว์ซันซันเฉิง เมืองเก่ากั๋วเน่ยเฉิง เมืองเก่าหวันตูซันเฉิง โบราณสถานสุสานกษัตริย์ 12 หลุม และสุสานคนในตระกูลสูงศักดิ์ 26 หลุม รวมถึงหลุมศพแม่ทัพและศิลาจารึกโบราณของกษัตริย์ห่าวไท่หวัง (好太王)
มรดกโลก เมืองหลวงและสุสานของราชอาณาจักรโกคูรยอโบราณได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการ ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 28 เมื่อปี พ.ศ. 2547 ที่เมืองซูโจว ประเทศจีน

อาณาจักรแพกเจ (เกาหลี: 백제 , ฮันจา: 百濟, 18ปีก่อนค.ศ. - ค.ศ. 660) สถาปนาขึ้นโดยพระเจ้าอนจอพระราชโอรสองค์เล็กใน พระเจ้าดงเมียงยอง ในพุทธศตวรรษที่ 13 เมื่ออาณาจักรโกคูรยอพยายามจะกลืนอำนาจของอาณาจักรพูยอ พระเจ้าอนจอได้นำกำลังคนกลุ่มหนึ่งแยกตัวออกมาจากอาณาจักรโกคูรยอลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลอำนาจของอาณาจักนมาฮัน โดยข้ามแม่น้ำฮันมา เลือกชัยภูมิอยู่ใกล้ๆกับที่เป็นกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ในปัจจุบัน เพื่อตั้งเมืองใหม่ชื่อ วิเรซอง แล้วสถาปนาเป็นอาณาจักรซิปเจหลังสิ้นรัชกาลของพระองค์มี
กษัตริย์ปกครองต่อมาอีกหลายพระองค์ จนถึงกษัตริย์รัชกาลที่ 31 ซึ่งเป็นรัชกาลสุดท้ายคือ พระเจ้าอึยจา ก็พ่ายแพ้แก่กองทัพพันธมิตรซึ่งประกอบด้วยกองทัพชิลลาและกองทัพ ถัง ของ จีน ในปี ค.ศ. 660 พ.ศ. 1203 ทำให้อาณาจักรแพคเจที่ปกครองมานานถึง 678 ปีก็ถึงกาลอวสาน
ในบันทึกประวัติศาสตร์ ซัมกุก ยูซา กล่าวว่า พระเจ้าอนจอนั้นก็คือโอรสพระองค์หนึ่งของพระเจ้าดงเมียงยอง ที่ขัดแย้งกับพี้น้องสายอื่น แล้วแยกตัวออกมาก่อตั้งอาณาจักรใหม่ชื่อว่า ซิปเจ ต่อมาแคว้นบีริวถูกอาณาจักรโกคูรยอโจมตี กษัตริย์ของแคว้นบีริวปลิดชีพตนเอง ผู้คนของบีริวก็อพยพเข้ามารวมกันในอาณาจักรซิปเจ จึงทำให้อาณาจักรแห่งนี้ใหญ่ขึ้น ซึ่งต่อมาพระเจ้าอนจอก็เปลี่ยนชื่ออาณาจักรใหม่เป็น แพกเจ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอาณาจักรแพกเจ ทำให้กษัตริย์ของอาณาจักรมาฮันคิดระแวง จึงพยายามกดดันพระเจ้าอนจอจนต้องย้ายเมืองหลวงอยู่หลายครั้งในรัชกาล พระเจ้าโกอิ กษัตริย์องค์ที่ 8 ของอาณาจักรแพคเจทรงทำให้อาณาจักรขยายตัวอย่างมากและในปี ค.ศ. 249 (พ.ศ. 792) ทรงแผ่ขยายการเป็นสัมพันธมิตรกับ อาณาจักรกายา (ค.ศ. 42-642) อาณาจักรเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของแพคเจและในรัชกาล พระเจ้ากึนโชโก กษัตริย์องค์ที่ 13 แห่งอาณาจักรแพคเจได้ทรงขยายชายแดนออกไปถึงทางเหนือจนติดกับชายแดนของ อาณาจักรโกคูรยอ
กระทั่ง พ.ศ. 675 ในสมัยพระเจ้าแกรูเมืองหลวงก็ถูกย้ายไปอยู่ที่บริเวณภูเขาพุกฮัน ซึ่งปัจจุบันคือเมืองกวางจู ตลอดช่วงพุทธศตวรรษที่ 6 แลที่ 7 แพกเจพยายามขยายอำนาจครอบครุมเมืองอื่นๆโดยตลอด จนกระทั่งในพุทธศตวรรษที่ 8 ก็สามารถกลืนเขตอิทธิพลทั้งหมดของอาณาจักรมาฮันได้อย่างเบ็ดเสร็จ แล้วตั้งตนเป็นอาณาจักรแพกเจที่ยึดครองอำนาจสืบต่อแทนอาณาจักรมาฮัน

อาณาจักรซิลลา (เกาหลี신라; ฮันจา: 新羅, 57 ปีก่อนคริสตศักราช — ค.ศ. 935) เป็นหนึ่งในอาณาจักรยุคสามก๊กแห่งเกาหลีสถาปนาโดยพระเจ้าฮยอกกอเซเมื่อ 57 ปีก่อนคริสตกาล (พ.ศ. 486) ซึ่งอาณาจักรซิลลาเกิดจากการรวมตัวกันของอาณาจักรจินฮันกับชนเผ่าต่างๆทำให้อาณาจักรเติบโตขึ้นแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรซิลลา อาณาจักรซิลลาต้องทำสงครามกับอีก 3 อาณาจักรใหญ่คืออาณาจักรโคกูรยอ อาณาจักรแพคเจ และอาณาจักรคายา อยู่นานกว่า 500—600 ปีก่อนที่พระเจ้ามุนมูกษัตริย์องค์ที่ 30 แห่งอาณาจักรซิลลาซึ่งครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 661—681 จะสามารถรวบรวมแผ่นดินได้สำเร็จด้วยการกลืนโคกูรยอและแพคเจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของซิลลาก่อนที่จะถูกโค่นอำนาจลงในปี ค.ศ. 935

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคเผ่า) ตอนที่1

ประวัติศาสตร์เกาหลี(ยุคเผ่า) ตอนที่1



    คาบสมุทรเกาหลีเป็นดินแดนที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มแต่เป็นดินแดนของผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ จนกระทั่งรวมตัวขึ้นเป็นอาณาจักรเล็กๆ ต่อมาถูกจีนยึดครอง เมื่อได้เอกราชจากจีน คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยสามอาณาจักสำคัญก่อนจะรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียวปกครองด้วยราชวงศ์ 2 ราชวงศ์ จนถูกญี่ปุ่นยึดครองเป็นอาณานิคมจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามมาด้วยสงครามเกาหลีที่ทำให้ต้องแบ่งเป็น 2 ประเทศในปัจจุบันคือเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ มีความพยายามที่จะรวมประเทศทั้งสองแต่ยังไม่สำเร็จ





      ได้มีการขุดค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากหินที่บ่งบอกถึงการตั้งถิ่นฐานบนคาบสมุทรเกาหลีซึ่งมีอายุประมาณ 50,000 ปี ทำให้ทราบว่ามีผู้คนอาศัยอยู่บนคาบสมุทรเกาหลีมาตั้งแต่สมัยยุคหินเก่าแล้ว หลังจากนั้นได้มีการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาที่ทำจากดินเหนียวปนทราบประเภทไห ซึ่งมีลักษณะลวดลายเป็นแนวยาว โดยนักโบราณคดีได้เรียกเครื่องปั้นดินเผารูปแบบนี้ว่า “เครื่องมือเครื่องใช้ลายฟันหวี” เครื่องปั้นดินเผาแบบนี้นั้น พบมากในบริเวณเอเชียเหนือและแถบไซบีเรีย

นอกจากนี้แล้ว ยังพบเครื่องมือเครื่องใช้อื่นๆ เช่น หัวธนูและมีดที่ทำจากหิน ฉมวกและตาข่ายดักปลา ทำให้ทราบว่า บรรพบุรุษชาวเกาหลีในสมัยก่อนนั้น ตั้งถิ่นฐานอยู่แถบชายทะเล หาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาและล่าสัตว์ จากนั้น ก็ได้มีการขยายการตั้งถิ่นฐานเข้ามาด้านในของคาบสมุทรมากขึ้น ได้มีการริเริ่มทำการเพาะปลูกขึ้นแล้วในสมัยนี้ หลังจากนั้นแล้ว ก็ได้มีการรับเอาเทคโนโลยีการผลิตโลหะสัมฤทธิ์จากจีนมาใช้ทำเป็นอาวุธ

ชาวเกาหลีในขณะนั้น อาศัยอยู่ตามถ้ำ มีการรวมกลุ่มกันครอบครัว และรวมตัวกันเป็นสายตระกูล โดยมีชายที่มีอายุมากที่สุดในสายตระกูลเป็นหัวหน้า เมื่อหัวหน้าตระกูลตัดสินใจอะไร สมาชิกก็ต้องปฏิบัติตาม ยกเว้นการตัดสินใจในเรื่องสำคัญจะมีการปรึกษากันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน นอกจากหัวหน้าสายตระกูลจะมีหน้าที่ทางด้านการปกครองแล้ว ยังมีหน้าที่ทางศาสนาด้วย ชาวเกาหลีในสมัยนั้นยังมีคติความเชื่อว่ามีวิญญาณในธรรมชาติและจักรวาล (Animism) และหัวหน้าตระกูลได้รับการยอมรับว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณเหล่านี้ได้ ดังนั้น หัวหน้าตระกูลจึงต้องประกอบพิธีกรรมบวงสรวงวิญญาณเพื่อป้องกันเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับสายตระกูลของตน

ลักษณะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในยุคก่อนประวัติศาสตร์ คือ การห้ามแต่งงานในสายตระกูลเดียวกัน จึงทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสายตระกูล เมื่อความสัมพันธ์กว้างขวางขึ้น จึงเกิดการรวมตัวกันเป็นชนเผ่า มีชื่อว่า ชนเผ่าโชซอนเก่า

ยุคโชซอนเก่า
ในช่วง 300-400 ปีก่อนคริสตกาลนั้น ชนเผ่าโซชอนเก่านั้น มีอิทธิพลอยู่แถบบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลียว ซึ่งหัวหน้าตระกูลนั้นได้รับอิทธิพลจากจีนจึงได้สถาปนาตนขึ้นเป็น “กษัตริย์” และตั้งเป็นอาณาจักรโชซอนเก่าขึ้น โดยกษัตริย์ของอาณาจักรโชซอนเก่านั้น สามารถรบชนะรัฐใกล้เคียงในบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลียวได้อย่างมากมาย ทำให้อาณาจักรโซซอนสามารถมีอำนาจเหนือบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลียวได้ทั้งหมด ต่อมาเมื่ออาณาจักรโชซอนเก่าเริ่มอ่อนแอลง รัฐต่างๆ ก็รวมตัวกันโดยมีรัฐเยนเป็นหัวหน้าเข้าโจมตีอาณาจักรโชซอนเก่า ทำให้อาณาจักรโชซอนเก่าต้องถึงจุดสิ้นสุดลง

การดำรงชีวิตของชนเผ่าโชซอนเก่านั้น มีการพัฒนาจากกการอาศัยอยู่ในถ้ำมาเป็นการสร้างบ้านด้วยไม้ โดยบ้านของชาวเกาหลีนั้น จะมีระบบทำความร้อนโดยการก่อไฟให้ความร้อนอยู่ใต้ถุนบ้าน และระบายควันออกทางปล่องไฟ ซึ่งบ้านแบบนี้ยังสามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้ว มีการรับเทคโนโลยีการใช้เหล็กจากจีน ส่วนประเพณีการฝังศพนั้นในสมัยนี้จะใช้วิธีการขุดหลุมฝังศพหรือไม่ก็ทำเป็นเนินดิน ซึ่งคล้ายกับประเพณีการฝังศพแบบจีนหรือการทำฮวงซุ้ย

ในด้านการปกครองนั้น เมื่อมีการรวมกลุ่มกันมากขึ้น ก็จึงต้องมีข้อกำหนดร่วมกันมาบังคับใช้ในชุมชน โดยมีการจัดทำกฎหมายเกี่ยวกับสมัยโชซอนเก่า เพื่อใช้ในการควบคุมประชาชนในอาณาจักรโชซอนเก่า ซึ่งกฎหมายนี้นั้นจะมีทั้งข้อกระทำผิดและบทลงโทษ เช่น หากขโมยสิ่งของ ก็ต้องไปรับใช้เจ้าของนั้น และต้องชดใช้ด้วยข้าวเปลือกให้แก่เจ้าของสินทรัพย์นั้น แสดงให้เห็นว่า ในสมัยนั้นได้มีทาสเกิดขึ้นแล้ว และมีข้าวเปลือกเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

ต่อมาเมื่อ 109 ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ได้ขยายตัวมาทางคาบสมุทรเกาหลี โดยส่งกำลังเขายึดเมืองวังกอม เมืองหลวงของอาณาจักรโชซอนเก่า และรวมดินแดนโชซอนโบราณเข้ากับจีนได้เป็นผลสำเร็จ จากการที่จีนสามารถยึดครองอาณาจักรโชซอนเก่า ทำให้วัฒนธรรมของจีนได้ถูกปลูกฝังในดินแดนแถบนี้เป็นอย่างมาก

ในระหว่างนั้นเอง ได้มีการตั้งอาณาจักรโคกูเรียวขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มระหว่างแม่น้ำทงกาและแม่น้ำอัมนก
ซึ่งลักษณะการรวมตัวกันจะคล้ายกับการรวมตัวของชนเผ่าโชซอน คือรวมตัวกันในสายตระกูลหลายตระกูล โดยมีการจัดการปกครองที่มีประสิทธิภาพและมีสภาพสังคมที่ดี ชาวโคกูเรียวนั้นเป็นพวกนักรบที่มีความสามารถสูง ทำให้สามารถโจมตีอาณาจักรข้างเคียงได้อย่างมากมาย เช่น อาณาจักรพูยอและอาณาจักรโอกจอ เป็นต้น

เมื่อถึงสมัยสามก๊ก มีการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นมากมายในดินแดนประเทศจีนรวมทั้งคาบสมุทรเกาหลีด้วย ทำให้การปกครองดูแลดินแดนทางแถบคาบสมุทรเกาหลีอ่อนกำลังลงจนในที่สุด อาณาจักรโคกูเรียว อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรเกาหลี ก็ได้เข้าโจมตีดินแดนของอาณาจักรโชซอนเก่าเป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ.313 ทำให้อาณาจักรโคกูเรียวสามารถมีอำนาจอยู่ทางตอนเหนือคาบสมุทรเกาหลีในเวลาต่อมา
พระมหากษัตริย์ในตำนาน
ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตนว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแตแบกซาน ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซอนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช

ดินแดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ หรือ กวนอู่ตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น ยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซอนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่นๆจึงค่อยๆแยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกุรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื้อ)

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล


สถานที่เที่ยวยอดฮิตในกรุงโซล 



    เมื่อพูดถึงประเทศเกาหลีใต้ จะนึกถึงอะไรกันบ้างครับ ติ๊กต่อก ๆ ...คิดถึงเหล่าบรรดาศิลปินนักแสดง อาหาร และวัฒนธรรมต่าง ๆ กันใช่ไหมล่ะ ถ้าใช่ ก็ถือว่าตอบถูกครับ แต่ยังไม่ถูกทั้งหมด เพราะสิ่งที่เราจะนำเสนอนี้ ไม่ใช่เรื่องของที่กล่าวมาแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของประเทศเกาหลีใต้ต่างหาก ใช่แล้วครับ สิ่งที่จะมานำเสนอในวันนี้ก็คือสถานที่เที่ยวฮอตฮิตของกรุงโซลเมืองหลวงของแดนกิมจินั่นเอง
    
เมืองหลวงแห่งนี้มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของเอเชียเราอยู่พอสมควร อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกด้วย แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าในกรุงโซลนั้น มีสถานที่อันฮอตฮิตที่หากคุณได้มีโอกาสเดินทางไปที่นั่นแล้วล่ะก็ 
บอกได้คำเดียวว่า "ห้ามพลาดนะครับ"
หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊ก (Bukchon Hanok Village)
    หมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊กแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังเคียงบ๊อคกุง ( Gyeongbokgung Palace) และพระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) ในอดีตเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ๆ เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าบรรดาขุนนางระดับสูง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งคนพื้นถิ่นจะเรียกหมู่บ้านแห่งนี้แบบง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า "หมู่บ้านบุกชอน" ซึ่งในภาษาเกาหลีจะหมายถึงหมู่บ้านทางเหนือนั่นเอง

พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)

      พระราชวังแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองในสมัยราชวงศ์โชซอน  ในเขตพระราชวัง ประกอบไปด้วยพระที่นั่งต่าง ๆ มากมาย เช่น ห้องประทับของกษัตริย์และพระราชินี ห้องทรงพระอักษร ท้องพระโรง สวนกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีพระตำหนักเคียวฮเวรู ที่มีลักษณะเป็นอาคารสองชั้น พระตำหนักถูกสร้างให้ยื่นออกไปกลางสระน้ำ เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงพระราชทานสมัยนั้น



 ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)


   เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เดินจากหมู่บ้านบุกชอนฮันอ๊กลงมาทางใต้ประมาณ 10 - 15 นาที คุณก็จะเจอกับย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง ที่มีทั้งห้องแสดงงานศิลปะ ร้านขายเครื่องแกะสลักแบบพื้นเมือง ร้านขายวัตถุโบราณ ภัตตาคารและร้านน้ำชาตามแบบเกาหลีดั้งเดิม ซึ่งนับเป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิมแท้ ๆ นอกจากนี้ ที่นี้ยังเป็นแหล่งวัตถุโบราณ ทั้งภาพเขียนเก่าแก่ งานเครื่องปั้นดินเผา งานกระดาษ และเครื่องเรือนเก่าอีกด้วย



มยองดง (Myeongdong)


    ถ้าบ้านเรามีสยามสแควร์ เป็นแหล่งช้อปปิ้งของเหล่าวัยทีนทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางและอื่น ๆ ที่กรุงโซลก็มีย่าน มยองดง หรือเมียงดง เป็นแหล่งช้อปปิ้งเช่นเดียวกัน เพราะที่นี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสินค้าแบรนด์เนมมากมายหลากหลายยี่ห้อ และถ้าเดิน ๆ ช้อปปิ้งจนเริ่มรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะที่ก็เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยร้านอาหารชั้นเลิศมากมายเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า "ช้อป", "ชิม", "เที่ยว" มีอยู่ที่นี่ครบ!


 ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)


     เปลี่ยนบรรยากาศการช้อปปิ้งของหรู ๆ จากย่านเมียงดง มาช้อปปิ้งที่สำเพ็งบ้านเรา เอ๊ย! ล้อเล่นครับ เปลี่ยนมาเป็นตลาดนัมแดมุนต่างหาก เพราะตลาดนัมแดมุนถือเป็นแหล่งค้าขายสินค้าต่าง ๆ ในราคาถูกและซื้อ - ขายในราคาส่งกันจำนวนมาก ที่นี่มีร้านค้ามากมายให้คุณได้เลือกจับจ่ายซื้อของมากหลายพันร้านค้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอเตือนไว้สักนิดว่าหากใครที่ชอบต่อราคาสินค้า ก็ขอให้ระมัดระวังหรือไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ ไม่เคยปรานีใครง่าย ๆ เหมือนกันนะจ๊ะ...จะบอกให้

 


รถไฟใต้ดิน (Subway)


   ไหน ๆ ก็ไปถึงกรุงโซลกันแล้ว คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนด้วยการขึ้นรถไฟใต้ดินในกรุงโซลนั่นเอง การใช้บริการรถไฟใต้ดินในกรุงโซลนั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นและจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้มาก แต่อย่างไรก็ดี หากจะใช้บริการรถไฟใต้ดินแล้วล่ะก็ กรุณาพกแผนที่และแผนผังของสถานีต่าง ๆ ติดตัวเอาไว้ด้วยนะครับ เพราะที่กรุงโซลมีสถานีรถไฟใต้ดินเป็นร้อย ๆ สถานีเลยทีเดียว แถมยังแบ่งเส้นทางอีกตั้ง 8 สาย และเชื่อมต่อสถานีไปที่ต่าง ๆ อีกมากมาย ฉะนั้นแล้วอย่าได้ทำแผนที่หายเป็นอันขาดล่ะ

  เป็นอย่างไรกันบ้าง กับทั้ง 6 สถานที่อันฮอตฮิตในกรุงโซลที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เชื่อได้ว่าอย่างน้อย ๆ ทั้ง 6 สถานที่ที่แนะนำไปนี้ก็จะเป็นไกด์นำทางในการท่องเที่ยวให้กับเพื่อน ๆ กันได้บ้าง ว่าแล้วก็ขอตัวไปเก็บกระเป๋าเดินทางไปกรุงโซลก่อนละกัน แล้วจะเที่ยวเผื่อทุก ๆ คนเลยครับผม